วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผีตาโขน 2552

งานละเล่นผีตาโขน ด่านซ้ายเมืองเลย
27 มิถุนายน 2552 เป็นวันงานละเล่นผีตาโขนที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย วางแผนล่วงหน้าสองสัปดาห์
26 มิย. 52 ไปพักที่ ภูคำ มร.เลย (ขาดการปรับปรุงมานาน แต่พอพักได้ตามปะสาไทย ๆ ที่เบี้ยน้อยหอยน้อย...อยากให้ปรับปรุงใหม่และเพิ่มค่าเช่าขึ้นสักเล็กน้อยก็ได้นะครับท่นอธิการบดี....)
27 มิย. 52 เดินทางไปด่านซ้ายตั้งแต่เช้า ระยะทางประมาณ 100 กม. แวะทานอาหารเช้าที่ภูเรือ ร้านประจำ มาทีไรก็มาที่นี่ทุกครั้ง ทั้งเช้า-กลางวัน-เย็น ร้านน้องอ๋อ อญู่ตรงข้ามโรงพยาบาล อาหารใช้ได้ ราคาพอประมาณ อย่าลืม เห็ดหอมพัด ไก่บ้านทอด ต้องลองให้ได้ และที่ไม่เปลี่ยนรสชาดเลยคือส้มตำ สั่งเผื่อ ๆ ไว้บ้างจะได้ไม่ขาดตอน... หลังอาหารเช้ามุ่งหน้าสู่ด่านซ้าย ตลอดเส้นทางจากเลยมาด่านซ้าย จะต้องระมัดระวังมาก เพราะวันนี้เหล่าแก็งมอเตอร์ไซต์คันน้อย ๆ เพ่นพ่านเต็มไปหมด ทั้งขาไปและขามา พอเข้าด่านซ้านสามโมงกว่าก็เจอจราจลเต็มเปา รถคลานไปทีละเมตร กว่าจะหาที่จอดได้ก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เดินเข้าไปในงานก็ไกลพอควร แดดร้อนจัดมาก เลยไม่ออกมารอดูที่ถนน แล้วทำให้พลาดโอกาสไม่ได้ดูการเล่นผีตาโขนที่เขาเล่นกันตามถนน ว่าจะรอดูตอนเขาประกวดกันบนเวทีก็คงไม่ไหว อาจจะมืดค่ำก่อน เลยเดินทางกลับไปที่เลย มีภาพเล็ก ๆ มาฝาก หากปีต่อไปจะไปดูการละเล่นผีตาโขนอีก คงต้องเตรียมการมากว่านี้ นะครับ................
ดูภาพที่นี่ครับ.......

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

สมุย 2552

 

ก่อนเปิดเทอมใหม่ได้พาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเกาะสมุยมา เมื่อ 7-10 พฤษภาคม 2552


  • เดินทางโดยรถตู้สองคัน 12 ชีวิต นั่งสบาย ๆ แต่ไกลมากจนขาไม่สบาย...
  • เกาะสมุยวันนี้แทบไม่เหลือธรรมชาติแล้ว ต้องออกไปเกาะเต่า เกาะนางยวน ฯลฯ ไปดำน้ำดูปลา......
  • อาหารการกินไม่เหลือฝีมือคนเกาะสมุยแล้ว แม้ซาลาเปายังมาจากร้าน 711เลย เสียดาย เสียดาย.....
  • ไปเกาะพงัน หาดลิ้นที่มีปาร์ตี้พระจันทร์เต็มดวง ชักสงสัยรี่มันยุโรปหรือไทแลนด์กันแน่ว่ะ........



Slide Show

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ไปไหว้พระธาตุพนม

ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ถือโอกาสไปงานนมัสการพระธาตุพนม (1 กพ - 10 กพ. 52) ซึ่งเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันอาทิตย์
  • ออกเดินทางจากมหาสารคามประมาณเที่ยงวัน ไปแวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านเจ๊อื้อบ้านนาจารย์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งห่างจากตัวเมืองไปเพียงสิบกว่ากิโลเมตร อาหารแนะนำคือ แจ่วฮ้อน พล่าเนื้อ รสชาดดี เนื้อนุ่มไม่เหนียว และความเผ็ดสั่งได้ จะเอาชนิดไม่มีรสเผ็ดเลยไปจนถึงน้ำหูน้ำตาไหลก็ได้
  • อิ่มจนพุงปลิ้นแล้วก็เดินทางต่อไป ช่วงระยะขึ้นเขาภูพานถนนหนทางเดี๋ยวนี้ดีมาก กว้างและไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ ขับรถชมธรรมชาติที่ยังเหลืออยู่ แวะชมรอยเท้าไดโนเสาร์ รื่นรมย์กับธรรมชาติไปจนทะลุถึงช่วงถนนปิ้งงู(คดไปเลี้ยวกลับมาที่เดิมเป็นเลข 8 เหมือนจับงูมาใส่ไม้หีบเอาไปปิ้ง) สวยงามมาก แล้วผ่านหน้าพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ลงเขาเข้าสู่ตัวเมืองสกลนคร แวะพักปล่อยเบา-หนักที่ปั๊มบางจาก ปั๊มนี้มีรีสอร์ทอยู่ด้านหลัง ร้านกาแฟและสเต็กค์เนื้อโคขุน จัดร้านสวยงาม ห้องน้ำสุดยอดได้มาตรฐานโลกตามแบบฉบับของบางจาก มีทั้งของคนพิการและคนปกติแยกกัน ที่สำคัญคือน้ำมันมีคุณภาพเต็มมาตรฐานทุกชนิดครับ ใครมาสกลไม่แวะปั๊มนี้แล้วท่านจะเสียใจ....
  • ถึงตัวเมืองนครพนมก็บ่ายห้าโมงเย็นกว่า ๆ เข้าพักที่โรงแรมวิวโขง ซึ่งตั้งอยู่บนตลิ่งแม่น้ำโขง(ไม่รู้เขาสร้างได้อย่างไร น่าจะเป็นที่สาธารณะมากกว่า) ตรงข้ามเมืองสะหวันนะเขตประเทศลาว ค่อนข้างเก่า ขาดการบำรุงรักษาที่ดี สภาพพอพักได้ตามราคาเจ็ดร้อยบาทพร้อมอาหารเช้า แต่น้ำไหลเบา ๆ (น้ำอาบนะครับไม่ใช่ฉี่) มีอ่างอาบน้ำ เด็ก ๆ ชอบมากพวกเขาใช้เป็นสระน้ำแทนเพราะโรงแรมไม่สระน้ำ ระวังยุงกัดนะครับโรงแรมนี้เลี้ยงยุงไว้ในห้องพัก อาหารเช้าใช้ได้แต่ขาดความหลากหลาย สัปรดออกจะเปรี้ยวไปนิด กาแฟชงเอง(ขอโทษขอกาแฟถุงรสชาดไม่น่ารับประทานเลยพับผ่า....) ได้พักห้องซีกตะวันออกมองเห็นทัศนียภาพเมืองสะหวันนะเขต และพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า อันนี้ดีทีเดียว
  • หลังอาหารเช้าก็ไปไหว้พระธาตุประจำคนเกิดวันเสาร์ ซึ่งเลยที่พักไปนิดเดียว ได้นมัสการหลวงพี่คนมหาสารคาม ท่านเลยสงเคราะห์ให้พระให้หวย(ฮึฮึ ห่างไกลจริง ๆ หลวงพี่...) เสร็จเรื่องแล้วก็เดินทางต่อไปยังอำเภอธาตุพนม เข้านมัสการพระธาตุพนมโดยเวียนเทียนสามรอบ ขณะเวียนเทียนก็สวดมนต์บทพุทธคุณไปด้วย อิ่มเอิบบุญแล้วก็มุ่งหน้าเมืองมุกดาหาร ถนนช่วงนี้(นครพนม-ธาตุพนม)ดีมากสี่เลนวิ่งฉิวเลยล่ะ......
  • เกือบบ่ายโมงก็ไปถึงร้านอาหารนัดพบริมโขง ด้วยความหิวจัดมากัน 7 คนสั่งอาหารไปสิบอย่าง เลยต้องละเอียดกันจนพุงป่อง ถึงเกือบจะหมด นี่ยังไม่เกลี้ยงจานจริง ๆ นะ รสชาดพอใช้ได้ บรรยากาศดีทีเดียว ที่จอดรถสะดวก ฝรั่งไปกินกันเยอะอาหารจึงออกจะปนหวานบ้าง
  • หลังอาหารเที่ยงอันแสนจะหนัก(น้ำหนักเพิ่มเป็นโล) ก็ไปหาที่พักในตัวเมือง เรียบถนนไปก็เจอโรงแรมริเวอร์ซิตี้ เห็นรถทัวร์จอดอยู่คันหนึ่งเลยแวะเข้าไปดู อาคารทาสีใหม่ ห้องน้ำที่ลอบบี้ดูใช้ได้เลยตัดสินใจเข้าพัก คืนละ 750 บาทพร้อมอาหารเช้า พอเข้าไปถึงภายในห้องพักก็ต้องบอกว่า แพงชิบ....เก่าซะไม่มี ผ้าเช็ดตังนี่สีเหมือนขี้เถา(ไม่มีสีขาว มันทึม ๆ) ห้องน้ำไม่มีอ่างอาบน้ำ โถชักโครกขนาดสำหรับเด็ก(แสดงว่าเดิมต้องเป็นแบบนั่งยอง ๆ แน่ ๆ) เหม็นอับ(บ่อเกรอะนั้นคงเก่าเป็นยี่สิบสามสิบปีขึ้นไปแน่ ๆ จึงส่งกลิ่นขึ้นมาที่ชักโครก) แอร์ใหม่ ทีวีใหม่ พื้นไม้ ผ้าคลุมเตียงไม่มี ผ้าปูเตียงก็เก่าพอ ๆ กับผ้าเช็ดตัวนั่นแหละ(สงสัยคงใช้มาตั้งแต่เปิดโรงแรมแน่ ๆ เพราะเดิมชื่อโรงแรม...) อาหารเช้าบอกได้เลยว่าไม่เข้าระดับ(ใครมาคนนั้นสั่งข้าวต้มหรืออเมริกัน(บ้านนอก) เพราะมีแขกน้อย) โรงแรมนี้กำลังสร้างอาคารใหม่รูปครึ่งวงกลม รอให้สร้างเสร็จก่อนค่อนเข้าพักจะประทับใจรึเปล่าไม่ทราบ..........................






  • เมืองมุกดาหารมีที่เที่ยวหลายแหล่ง เช่น วนอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ฯลฯ ส่วนในเมืองก็ต้องไปหอแก้วสูงสิบกว่าเมตร ส่องกล้องดูคนลาวอาบน้ำลอดช่องหน้าต่างได้(อุ้ย..เสียว) ภายในหอแก้วมีพิพิธพันธ์เมืองมุกดาหารด้วย ลงจากหอแก้วแล้วก็ต้องไปเดินซื้อของที่ตลาดอินโดจีนริมแม่น้ำโขง เดี๋ยวนี้สินค้าไม่เฟื่องเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ตลาดอินโดจีนที่หนองคายดูจะมีสินค้าหลากหลายกว่ามากนะนะ

  • หลังอาหารเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 กพ 52 ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่วนอุทยานแห่งชาติผาน้ำย้อย ที่อ.ภูทอก จ.ร้อยเอ็ด ไปได้หลายเส้นทาง เที่ยวนี้ใช้เส้นทางมุกดาหาร-นิคมคำสร้อย-หนองสูง-ผาน้ำย้อย ก่อนถึงผาน้ำย้อยก็แวะนมัสการหลวงปู่หล้าที่วัดภูจ้อก้อ ขึ้นบันไดที่ชันมากกว่าสองร้อยขั้นไปนมัสการอัฐิหลวงปู่ มองลงมาวิวสวยงามทีเดียว บันไดเหล็กขาขึ้นนี้ต้องใจกล้าหน่อยนะเพราะมันไม่นิ่ง แผ่นปูนขั้นบันไดบางแผ่นมันหลุดกรอบ ขาลงขอให้ทางเวียนลงเขาอีกด้านหนึ่งจะลงได้ง่ายกว่า แต่ไม่ตื่นเต้นเหมือนบันไดเหล็ก
  • ก่อนเที่ยงเล็กน้อยก็ถึงวนอุทยานแห่งชาติผาน้ำย้อย ขึ้นเขาไปนมัสพระบรมสารีริกธาตุที่มหาเจดีย์ชัยมงคล ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่วิจิตรตระการตามาก ออกแบบโดยกรมศิลปากร หากท่านอยากทดสอบสมรรถภาพร่างกายต้องไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่นี่....

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ฮ่องสอนคือปลายทาง


ช่วงต้น มหาสารคาม-ลำพูน(31 ธค. 2551)
  • 05.00 น. เริ่มออกเดินทางจากเมืองมหาสารคาม ผ่านเส้นทางขามเรียง-เชียงยืน มุ่งหน้าเข้าเมืองขอนแก่น ถนนราดยางอย่างดี มีชำรุดเล็กน้อยก่อนเข้าเชียงยืน ระยะนี้ที่ถนนมิตรภาพตรงทางแยกสามเหลี่ยมมีการก่อสร้างสะพานข้ามหากเข้าไปเส้นตรงต้องไปกลับรถก่อนจะตรงไปชุมแพได้ จึงเลี่ยงเข้าไปยังกลางเมืองเพื่อไปทะลุออกทางแยกศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแล้วเลี้ยวขวาไปตามมิตรภาพ ถึงสี่แยกสามเหลี่ยมเลี้ยวซ้ายตรงไปยังชุมแพ ถนนช่วงนี้ 80 กม. สามารถวิ่งรถได้สบาย ๆ กดเข้าไป 140 เป็นช่วง ๆ จึงไปถึงชุมแพเจ็ดโมงเช้าตามกำหนดพอดี ๆ ถนนสี่เลนเพิ่งเสร็จใหม่ ๆ เช้า ๆ รถว่างดีจัง
  • 07.30 จากชุมแพก็มุ่งหน้าขึ้นเขาไปยังหล่มสัก ถนนแคบช่วงจากตัวเมืองชุมแพไปถึงทางแยกไปเมืองเลยทำให้รถติดเป็นเทือก ผู้คนเดินทางค่อนข้างมากในช่วง พอเลยขึ้นเขาไปแล้วปริมาณรถไม่มากนัก แต่ไปเจอรถจอดเรียงรายเต็มไปหมดตรงทางแยกเข้าวนอทยานแห่งชาติน้ำหนาว อ๋อ เขามาพักค้างแรมกันที่นี่เองจนหาที่จอดรถไม่ได้ ถนนช่วงนี้ยังคงสภาพดีอยู่ตลอดเส้นทาง ขับรถสบาย ๆ อากาศดี ธรรมชาติสองข้างทางยังคงสภาพดีอยู่ น่าขับรถท่องเที่ยวมาก ๆ
  • สิบโมงกว่าก็ทะลุเขาค้อ แวะปั๊มบางจากปลดปล่อยน้ำหนักคลายเครียด เติมน้ำมันคุณภาพดีแล้วก็เดินทางต่อไปยังพิษณุโลก ช่วงนี้รถยนต์เริ่มมากขึ้น ถนนช่วงวังทองซ่อมเสร็จแล้ว เดินทางได้ดีตลอดไปถึงทางเลี่ยงเมืองพิษณุโลก
  • สิบเอ็ดโมงเล็กน้อยก็ทะลุพิษณุโลกมุ่งหน้าอุตรดิตถ์ ถนนสี่เลนวิ่งฉิ่วไปเลยอัดเต็มที่ได้ แต่เสียอย่างเดียวผ่ามีไฟแดงเป็นช่วง ๆ ต้องระวังกันหน่อย
  • เลยเที่ยงไปแล้วก็แวะเติมพลังข้าวเที่ยงที่ร้านริมทางเลยตัวเมืองไปเล็กน้อย ขอแนะนำครัวช้อนทอง อาหารจานเดียว ตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว หลากรสเลือกได้ รสชาดรับรองไม่รองใคร ราคากันเอง เจ้าของร้านใจดี ร้านสะอาดไปแวะทุกครั้งที่ขึ้นเหนือ
  • บ่ายแก่ ๆ เสร็จจากอาหารเที่ยงแล้วก็มุ่งหน้าสู่เด่นชัย ถนนช่วงนี้กำลังปรับปรุงใหม่เพื่อให้เป็นสี่เลน วิ่งกันลำบากเล็กน้อย เลยใช้เวลาไปมากกว่าที่จำเป็นทีเดียว พ้นพงหนามแล้วก็ขึ้นเขามุ่งหน้าไปลำปาง รถเยอะเลยต้องตามกันไปเรื่อย ๆ จนถึงทางแยกไปเชียงใหม่หรือเลี้ยวขวามไปเชียงราย แวะปล่อยน้ำ(ฉี่) พักเหนื่อยสิบนาทีก็เลี้ยวซ้ายไปลำพูนบนถนนสี่เลน วิ่งได้สะดวกดี ถนนสวยขับรถเพลินดี สี่โมงแก่ ๆ เกือบห้าโมงเย็นก็ถึงลำพูน แต่กว่าเข้าเมืองลำพูนได้ต้องเจอความจอแจของรถยนต์จำนวนมากทำให้วิ่งเร็วไม่ได้ ทยอยกันไปเรื่อย ๆ ทำให้เข้าถึงที่พักเกือบหกโมงเย็น สภาพของโรงแรมอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ราคาเหมาะสม แต่ที่ตั้งออกจะหายากหน่อยสำหรับผู้ที่ไม่ได้เคยไป เพราะมันไปอยู่ในแถบชานเมืองที่ไกลจากถนนหลัก อยู่ติดกัลแปลงปลูกหอมกระเทียม มีโอกาสจะกลับมาพักที่นี่อีก อาหารรสชาดดีทีเดียว อย่าลืมสั่งน้ำพริกอ่องนะครับ












ลำพูน - ปางมะผ้า(1 มกราคม พ.ศ. 2552
)
7.30 น.หลังอาหารเช้าอันแสนจะได้รสชาดแล้ว ก็เดินทางไปรับผู้โดยสารเพิ่มอีกหนึ่งที่สนามบินเชียงใหม่ วนไปวนมาหาสนามบินไม่เจอ เออ.เมืองนี้ป้ายบอกทางไม่สู่ความหมายเอาเลยนะ จนแล้วจนรอดก็ไปไม่ถึงสนามบิน เลยต้องให้อีกคันไปรับแทน ยังไงเทศบาลนครเชียงใหม่น่าจะปรับปรุงให้มีป้ายบอกทางไปสนามบินทุกเส้นทาง ด้วย จะช่วยทำให้รถติดน้อยลง เลยมุ่งหน้าออกไปแม่ริมเพื่อเดินทางไปปาย โดยไปเลี้ยวซ้ายที่แม่มาลัยประมาณสิบโมงเช้า เลี้ยวมาได้นิดหน่อยก็เจอป้าย "จุดสกัดอ้วก..." ไม่ได้แวะเพราะเชื่อใจว่าไม่อ้วกแน่ ๆ ขับรถมาตามเส้นทางแม่มาลัย-ปายได้สักสิบหกโลก็มีที่พักริมทางของกรมทางหลวง ด้านขวามือ เลยแวะลดน้ำหนัก และหาข้อมูลการเดินทาง... แล้วเดินทางต่อไปอีกสักสองสามโลก็ถึงร้านกาแฟ ก็ต้องแวะเติมน้ำหน่อย ก็เมื่อกี้ถ่ายออกแล้วก็ต้องเติมเข้าไปแทนที่...........
เที่ยงก็ทะลุ ถึงปายพอดี แม่เจ้าโว้ย รถยนต์ของนักท่องเที่ยวยั่วเยี้ยไปหมดยังกะหมู่มด จนคนขับรถตู้นักท่องเที่ยวบ่นเสียงดัง ๆ ว่า "ความเร็วตอนนี้เท่ากับเต่าวิ่งกัดยางรถได้เลย" ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะหลุดจากตลาดปาย มุ่งไปหมู่บ้านสันติชล ซึ่งเลยออกไปเพียงห้าหกโล ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ถึงซะที รถติดอีกนั่นแหละ จนต้องถอยหลังกลับเพื่อไปหาข้าวเที่ยงกัน ตัดสินใจไปอดเอาดาบหน้า มุ่งไปปางมะผ้า เจอร้านอาหารที่ไหนก็จะแวะที่นั่น เมื่อเลี้ยวซ้ายไปได้สักห้าหกโลก็เจอป้ายน้ำอัดลมด้านขวามือ นั่นแหละร้านอาหารแน่ ๆ แวะเลย อ๋อ ร้านลุงจ่านะเอง ร้านนี้มีอาหารป่าด้วยเลยล่อหมู่ป่าผัดพริกไทยอ่อน ต้มยำไก่ และอื่น ๆ แต่อร่อยสุด ๆ เห็นจะเป็นไข่เจียว รสชาดอาหารไม่ผิดหวัง ถ้าคอเหล้าแล้วละก้อ ไม่แวะไม่ได้เลยนะครับ หาที่นอนที่ปายแล้วมาล่ำสุราที่ร้านลุงจ่า รับรองลืมไม่จริง ๆ นะจะบอกให้.........
หลัง อาหารเที่ยงก็มุ่งสู่ปางมะผ้าที่ห่างออกไปเพียงสี่สิบกว่าโล แต่เชื่อไหมล่ะใช้เวลาเดินทางไปชั่วโมงกว่า ๆ บวกกับแวะข้างทางดูนั่นดูนี่ก็สองชั่วโมงกว่า ๆ ถนนช่วงนี้เป็นสุดยอดของถนนในเมืองไทย มีการแวะอ้วกกันเป็นระยะ ๆสพานสงครามโลกครั้งที่ 2 ล่วงเข้าปางมะผ้าก็บ่ายสี่โมงแก่ ๆ แล้ว ตามกำหนดการพอดี ๆ
แวะเข้าที่พักก่อนปะไร เอ อยู่ไหน?หนอ "ริมลางรีสอร์ท" อ๋อ อยู่ติดถนนนี่เอง เลยโรงพยาบาลปางมะผ้ามาหน่อยหนึ่ง ด้านหน้าเป็นบ้านไม้สองหลัง หลังใหญ่ติดถนนเข้าใจว่าเดิมเคยหรู่หรา แต่ตอนนี้ปิดประตูด้านหน้างีบกริบ ส่วนอีกหลังถัดเข้าไปนิดเดียวเป็นบ้านพักของผู้ดำเนินกิจการสองสามีภรรยาหนุ่มสาว สืบทอดกิจการจากบรรพบุรุษ(น่ายกย่อง ช่วยกันทำมาหากิน) วันนี้ที่พักเต็มหมดจนเจ้าของต้องสละบ้านที่นอนให้กับคณะของเราที่มากันเก้าชีวิต ชั้นบนมีสองห้องพักหนึ่งห้องน้ำ ชั้นล่างห้องโถงกางมุ้งนอนได้สบาย ๆ สี่ห้ามุ้ง (ที่นี่ป่ายังดียุ่งจึงเยอะ) เราจองล่วงหน้าสองเดือนก็ได้อย่างนี้ บรรยากาศที่ได้ที่นี่คือความเป็นกันเองของผู้ให้บริการที่ไม่มีลูกจ้างเข้ามาช่วย ต้องทำงานช่วยกันสองคนจนดึดดื่นจึงจะได้งีบ ตีสี่ก็ต้องตื่นไปตลาดเตรียมอาหารเช้าสำแขกหลายสิบคน สามีทำอาหารได้เข้าขั้นมืออาชีพทั้งอาหารเย็นและอาหารเช้า ถ้าจะดำเนินกิจการต่อไปก็มีคำแนะนำหลายเรื่องนะ เพราะบรรยากาศธรรมชาติที่นี่เหมาะเป็นที่พักผ่อนจริง ๆ

ช่วงปลายทาง ปางมะผ้า-แม่ฮ่องสอน(๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒)
  • เช้า ๆ ที่ปางมะผ้าวันนี้ดูออกจะเย็น ๆ ประมาณสิบกว่าองศา หมอกเต็มท้องฟ้า วันนี้จึงเป็นวันแรกที่มีความรู้สึกว่าได้เดินทางมาถึงภาคเหนือที่มีขุนเขาป่าทึบ และอากาศเย็น อาหารเช้าเป็นข้าวต้มและขนมปังปิ้งกับกาแฟ ที่ริมลางรีสอร์ทนี้มีสุนัขพันธุ์อัลเซเซี่ยนลูกผสมหมาไทยชื่อเจ้าขนุน มันชอบมาคลอเคลียแขกในช่วงเวลาอาหารเป็นประจำ มันถูกฝึกมาดีพอควร มันชอบมากคือขนมปัง ซึ่งมันชอบขอแบ่งไปกินเป็นประจำ จนบางครั้งแทนที่แขกจะได้กินอิ่ม เจ้าขนุนมันอิ่มแทน หลังอาหารเช้าก็เดินทางสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ช่วงนี้ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง หมอกมาก หมอกหายไปหลังจากเก้าโมงกว่า ๆ แล้ว ก่อนจะเข้าเมืองแม่ฮ่องสอนจะผ่านถ้ำปลา ก็ต้องแวะตามธรรมเนียม ผู้คนเยอะมาก ทุกคนก็อยากเห็นว่าปลามุงมันเป็นยังไง และแล้วก็ถึงบริเวณลำธารน้ำที่ปลามุงมันเข้าแถวตามลำดับก่อนหลัง เพื่อเข้าสู่ภายในถ้ำไปกินอะไรบางอย่าง กินเสร็จก็เวียนออกมาแล้วไปต่อแถวต่อไป ชาวเขามานั่งขายอาหารให้ปลา แต่ เอ!นั่นมันถุงไข่ต้มนี่ว้า เขาเอามาขายให้คนที่มาดูปลามั่ง แต่พอไปถาม เขาบอกว่าปลามุงนี่มันชอบกินไข่ต้ม แม่เจ้าโว้ย มันช่างกินของดีจังเลย

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

บันทึกท่องเที่ยวไทย


บันทึกการท่องเที่ยวไทยเว็บนี้ ผมจะบันทึกแหล่งท่องเที่ยว การเดินทาง ที่พัก สำหรับท่านที่ประสงค์จะไปในแหล่งที่ผมไปมาแล้ว ทั้งนี้ด้วยเหตุผลหลายประการดังนี้
  1. ข้อมูลที่ค้นได้จากเว็บไซต์ของแหล่งท่องเที่ยวและที่พักนั้นส่วนใหญ่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้เกิดอาการอารมณ์เสียหลาย ๆ ครั้ง โดยเฉพาะครั้งล่าสุด ไปที่พัทยา จองที่พักผ่านเว็บไซต์ จ่ายเงินล่วงหน้า ดูภาพจากเว็บแม้มันดูดีมาก ๆ ราคาแพงสำหรับคนไทย พอไปถึง แม่เจ้าโว้ย...หาที่จอดรถไม่ได้ เพราะไม่มี ต้องจอดแอบข้างถนน ขึ้นห้องพัก สภาพห้องกับราคาห่างกันหลายชั้น ทำไงได้จ่ายตังค์ไปแล้ว เลยต้องทนทรมานไปทั้งคืน
  2. แหล่งท่องเที่ยวบางแห่งน่าสนใจมาก แต่ขาดการประชาสัมพันธ์ ไม่มีเว็บไซต์นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ทำให้เงียบเหงาไปมาก น่าจะช่วยกันให้สารสนเทศที่ถูกต้อง
  3. การท่องเที่ยวทางรถยนต์มันให้ความสุนทรีย์ของแหล่งท่องเที่ยวได้มาก แต่การเดินทางนั้นจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ ทางระยะทางและสภาพถนนที่ต้องวิ่งรถไป แต่ขาดสารสนเทศเหล่านี้ หาได้ค่อนข้างยาก ตอนที่ภูชี้ฟ้า แล้วเลยไปภูผาตั้งเมื่อปี 46 นั้น มันกระอักทรวงมาก เพราะข้อมูลการเดินทางอันน้อยนิด ต้องขับรถตามร่องน้ำลงเขา เล่นเอาช้ำทั้งรถทั้งคน
ฯลฯ
ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะบันทึกทั้งข้อความและภาพถ่าย(ระบุวัน-เวลา) เผื่อท่านที่สนใจจะไปเที่ยวบ้าง เอาไว้เปรียบเทียบกับแหล่งข้อมูลอืน ๆ จะช่วยให้การเดินทางมีความสุขมากขึ้นครับ
เอาล่ะ งานแรกจะไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนกันตอนช่วงปีใหม่ 52 นี้ กลับมาแล้วจะบันทึกไว้ครับ.............