วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

แม่ฮ่องสอนคือปลายทาง


ช่วงต้น มหาสารคาม-ลำพูน(31 ธค. 2551)
  • 05.00 น. เริ่มออกเดินทางจากเมืองมหาสารคาม ผ่านเส้นทางขามเรียง-เชียงยืน มุ่งหน้าเข้าเมืองขอนแก่น ถนนราดยางอย่างดี มีชำรุดเล็กน้อยก่อนเข้าเชียงยืน ระยะนี้ที่ถนนมิตรภาพตรงทางแยกสามเหลี่ยมมีการก่อสร้างสะพานข้ามหากเข้าไปเส้นตรงต้องไปกลับรถก่อนจะตรงไปชุมแพได้ จึงเลี่ยงเข้าไปยังกลางเมืองเพื่อไปทะลุออกทางแยกศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแล้วเลี้ยวขวาไปตามมิตรภาพ ถึงสี่แยกสามเหลี่ยมเลี้ยวซ้ายตรงไปยังชุมแพ ถนนช่วงนี้ 80 กม. สามารถวิ่งรถได้สบาย ๆ กดเข้าไป 140 เป็นช่วง ๆ จึงไปถึงชุมแพเจ็ดโมงเช้าตามกำหนดพอดี ๆ ถนนสี่เลนเพิ่งเสร็จใหม่ ๆ เช้า ๆ รถว่างดีจัง
  • 07.30 จากชุมแพก็มุ่งหน้าขึ้นเขาไปยังหล่มสัก ถนนแคบช่วงจากตัวเมืองชุมแพไปถึงทางแยกไปเมืองเลยทำให้รถติดเป็นเทือก ผู้คนเดินทางค่อนข้างมากในช่วง พอเลยขึ้นเขาไปแล้วปริมาณรถไม่มากนัก แต่ไปเจอรถจอดเรียงรายเต็มไปหมดตรงทางแยกเข้าวนอทยานแห่งชาติน้ำหนาว อ๋อ เขามาพักค้างแรมกันที่นี่เองจนหาที่จอดรถไม่ได้ ถนนช่วงนี้ยังคงสภาพดีอยู่ตลอดเส้นทาง ขับรถสบาย ๆ อากาศดี ธรรมชาติสองข้างทางยังคงสภาพดีอยู่ น่าขับรถท่องเที่ยวมาก ๆ
  • สิบโมงกว่าก็ทะลุเขาค้อ แวะปั๊มบางจากปลดปล่อยน้ำหนักคลายเครียด เติมน้ำมันคุณภาพดีแล้วก็เดินทางต่อไปยังพิษณุโลก ช่วงนี้รถยนต์เริ่มมากขึ้น ถนนช่วงวังทองซ่อมเสร็จแล้ว เดินทางได้ดีตลอดไปถึงทางเลี่ยงเมืองพิษณุโลก
  • สิบเอ็ดโมงเล็กน้อยก็ทะลุพิษณุโลกมุ่งหน้าอุตรดิตถ์ ถนนสี่เลนวิ่งฉิ่วไปเลยอัดเต็มที่ได้ แต่เสียอย่างเดียวผ่ามีไฟแดงเป็นช่วง ๆ ต้องระวังกันหน่อย
  • เลยเที่ยงไปแล้วก็แวะเติมพลังข้าวเที่ยงที่ร้านริมทางเลยตัวเมืองไปเล็กน้อย ขอแนะนำครัวช้อนทอง อาหารจานเดียว ตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว หลากรสเลือกได้ รสชาดรับรองไม่รองใคร ราคากันเอง เจ้าของร้านใจดี ร้านสะอาดไปแวะทุกครั้งที่ขึ้นเหนือ
  • บ่ายแก่ ๆ เสร็จจากอาหารเที่ยงแล้วก็มุ่งหน้าสู่เด่นชัย ถนนช่วงนี้กำลังปรับปรุงใหม่เพื่อให้เป็นสี่เลน วิ่งกันลำบากเล็กน้อย เลยใช้เวลาไปมากกว่าที่จำเป็นทีเดียว พ้นพงหนามแล้วก็ขึ้นเขามุ่งหน้าไปลำปาง รถเยอะเลยต้องตามกันไปเรื่อย ๆ จนถึงทางแยกไปเชียงใหม่หรือเลี้ยวขวามไปเชียงราย แวะปล่อยน้ำ(ฉี่) พักเหนื่อยสิบนาทีก็เลี้ยวซ้ายไปลำพูนบนถนนสี่เลน วิ่งได้สะดวกดี ถนนสวยขับรถเพลินดี สี่โมงแก่ ๆ เกือบห้าโมงเย็นก็ถึงลำพูน แต่กว่าเข้าเมืองลำพูนได้ต้องเจอความจอแจของรถยนต์จำนวนมากทำให้วิ่งเร็วไม่ได้ ทยอยกันไปเรื่อย ๆ ทำให้เข้าถึงที่พักเกือบหกโมงเย็น สภาพของโรงแรมอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ราคาเหมาะสม แต่ที่ตั้งออกจะหายากหน่อยสำหรับผู้ที่ไม่ได้เคยไป เพราะมันไปอยู่ในแถบชานเมืองที่ไกลจากถนนหลัก อยู่ติดกัลแปลงปลูกหอมกระเทียม มีโอกาสจะกลับมาพักที่นี่อีก อาหารรสชาดดีทีเดียว อย่าลืมสั่งน้ำพริกอ่องนะครับ












ลำพูน - ปางมะผ้า(1 มกราคม พ.ศ. 2552
)
7.30 น.หลังอาหารเช้าอันแสนจะได้รสชาดแล้ว ก็เดินทางไปรับผู้โดยสารเพิ่มอีกหนึ่งที่สนามบินเชียงใหม่ วนไปวนมาหาสนามบินไม่เจอ เออ.เมืองนี้ป้ายบอกทางไม่สู่ความหมายเอาเลยนะ จนแล้วจนรอดก็ไปไม่ถึงสนามบิน เลยต้องให้อีกคันไปรับแทน ยังไงเทศบาลนครเชียงใหม่น่าจะปรับปรุงให้มีป้ายบอกทางไปสนามบินทุกเส้นทาง ด้วย จะช่วยทำให้รถติดน้อยลง เลยมุ่งหน้าออกไปแม่ริมเพื่อเดินทางไปปาย โดยไปเลี้ยวซ้ายที่แม่มาลัยประมาณสิบโมงเช้า เลี้ยวมาได้นิดหน่อยก็เจอป้าย "จุดสกัดอ้วก..." ไม่ได้แวะเพราะเชื่อใจว่าไม่อ้วกแน่ ๆ ขับรถมาตามเส้นทางแม่มาลัย-ปายได้สักสิบหกโลก็มีที่พักริมทางของกรมทางหลวง ด้านขวามือ เลยแวะลดน้ำหนัก และหาข้อมูลการเดินทาง... แล้วเดินทางต่อไปอีกสักสองสามโลก็ถึงร้านกาแฟ ก็ต้องแวะเติมน้ำหน่อย ก็เมื่อกี้ถ่ายออกแล้วก็ต้องเติมเข้าไปแทนที่...........
เที่ยงก็ทะลุ ถึงปายพอดี แม่เจ้าโว้ย รถยนต์ของนักท่องเที่ยวยั่วเยี้ยไปหมดยังกะหมู่มด จนคนขับรถตู้นักท่องเที่ยวบ่นเสียงดัง ๆ ว่า "ความเร็วตอนนี้เท่ากับเต่าวิ่งกัดยางรถได้เลย" ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะหลุดจากตลาดปาย มุ่งไปหมู่บ้านสันติชล ซึ่งเลยออกไปเพียงห้าหกโล ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ถึงซะที รถติดอีกนั่นแหละ จนต้องถอยหลังกลับเพื่อไปหาข้าวเที่ยงกัน ตัดสินใจไปอดเอาดาบหน้า มุ่งไปปางมะผ้า เจอร้านอาหารที่ไหนก็จะแวะที่นั่น เมื่อเลี้ยวซ้ายไปได้สักห้าหกโลก็เจอป้ายน้ำอัดลมด้านขวามือ นั่นแหละร้านอาหารแน่ ๆ แวะเลย อ๋อ ร้านลุงจ่านะเอง ร้านนี้มีอาหารป่าด้วยเลยล่อหมู่ป่าผัดพริกไทยอ่อน ต้มยำไก่ และอื่น ๆ แต่อร่อยสุด ๆ เห็นจะเป็นไข่เจียว รสชาดอาหารไม่ผิดหวัง ถ้าคอเหล้าแล้วละก้อ ไม่แวะไม่ได้เลยนะครับ หาที่นอนที่ปายแล้วมาล่ำสุราที่ร้านลุงจ่า รับรองลืมไม่จริง ๆ นะจะบอกให้.........
หลัง อาหารเที่ยงก็มุ่งสู่ปางมะผ้าที่ห่างออกไปเพียงสี่สิบกว่าโล แต่เชื่อไหมล่ะใช้เวลาเดินทางไปชั่วโมงกว่า ๆ บวกกับแวะข้างทางดูนั่นดูนี่ก็สองชั่วโมงกว่า ๆ ถนนช่วงนี้เป็นสุดยอดของถนนในเมืองไทย มีการแวะอ้วกกันเป็นระยะ ๆสพานสงครามโลกครั้งที่ 2 ล่วงเข้าปางมะผ้าก็บ่ายสี่โมงแก่ ๆ แล้ว ตามกำหนดการพอดี ๆ
แวะเข้าที่พักก่อนปะไร เอ อยู่ไหน?หนอ "ริมลางรีสอร์ท" อ๋อ อยู่ติดถนนนี่เอง เลยโรงพยาบาลปางมะผ้ามาหน่อยหนึ่ง ด้านหน้าเป็นบ้านไม้สองหลัง หลังใหญ่ติดถนนเข้าใจว่าเดิมเคยหรู่หรา แต่ตอนนี้ปิดประตูด้านหน้างีบกริบ ส่วนอีกหลังถัดเข้าไปนิดเดียวเป็นบ้านพักของผู้ดำเนินกิจการสองสามีภรรยาหนุ่มสาว สืบทอดกิจการจากบรรพบุรุษ(น่ายกย่อง ช่วยกันทำมาหากิน) วันนี้ที่พักเต็มหมดจนเจ้าของต้องสละบ้านที่นอนให้กับคณะของเราที่มากันเก้าชีวิต ชั้นบนมีสองห้องพักหนึ่งห้องน้ำ ชั้นล่างห้องโถงกางมุ้งนอนได้สบาย ๆ สี่ห้ามุ้ง (ที่นี่ป่ายังดียุ่งจึงเยอะ) เราจองล่วงหน้าสองเดือนก็ได้อย่างนี้ บรรยากาศที่ได้ที่นี่คือความเป็นกันเองของผู้ให้บริการที่ไม่มีลูกจ้างเข้ามาช่วย ต้องทำงานช่วยกันสองคนจนดึดดื่นจึงจะได้งีบ ตีสี่ก็ต้องตื่นไปตลาดเตรียมอาหารเช้าสำแขกหลายสิบคน สามีทำอาหารได้เข้าขั้นมืออาชีพทั้งอาหารเย็นและอาหารเช้า ถ้าจะดำเนินกิจการต่อไปก็มีคำแนะนำหลายเรื่องนะ เพราะบรรยากาศธรรมชาติที่นี่เหมาะเป็นที่พักผ่อนจริง ๆ

ช่วงปลายทาง ปางมะผ้า-แม่ฮ่องสอน(๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๒)
  • เช้า ๆ ที่ปางมะผ้าวันนี้ดูออกจะเย็น ๆ ประมาณสิบกว่าองศา หมอกเต็มท้องฟ้า วันนี้จึงเป็นวันแรกที่มีความรู้สึกว่าได้เดินทางมาถึงภาคเหนือที่มีขุนเขาป่าทึบ และอากาศเย็น อาหารเช้าเป็นข้าวต้มและขนมปังปิ้งกับกาแฟ ที่ริมลางรีสอร์ทนี้มีสุนัขพันธุ์อัลเซเซี่ยนลูกผสมหมาไทยชื่อเจ้าขนุน มันชอบมาคลอเคลียแขกในช่วงเวลาอาหารเป็นประจำ มันถูกฝึกมาดีพอควร มันชอบมากคือขนมปัง ซึ่งมันชอบขอแบ่งไปกินเป็นประจำ จนบางครั้งแทนที่แขกจะได้กินอิ่ม เจ้าขนุนมันอิ่มแทน หลังอาหารเช้าก็เดินทางสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ช่วงนี้ต้องขับรถอย่างระมัดระวัง หมอกมาก หมอกหายไปหลังจากเก้าโมงกว่า ๆ แล้ว ก่อนจะเข้าเมืองแม่ฮ่องสอนจะผ่านถ้ำปลา ก็ต้องแวะตามธรรมเนียม ผู้คนเยอะมาก ทุกคนก็อยากเห็นว่าปลามุงมันเป็นยังไง และแล้วก็ถึงบริเวณลำธารน้ำที่ปลามุงมันเข้าแถวตามลำดับก่อนหลัง เพื่อเข้าสู่ภายในถ้ำไปกินอะไรบางอย่าง กินเสร็จก็เวียนออกมาแล้วไปต่อแถวต่อไป ชาวเขามานั่งขายอาหารให้ปลา แต่ เอ!นั่นมันถุงไข่ต้มนี่ว้า เขาเอามาขายให้คนที่มาดูปลามั่ง แต่พอไปถาม เขาบอกว่าปลามุงนี่มันชอบกินไข่ต้ม แม่เจ้าโว้ย มันช่างกินของดีจังเลย